บริการ รับซื้อแอร์เก่า ให้ราคาสูง รับซื้อถึงที่

หากคุณมีแอร์เก่าที่ไม่ได้ใช้งาน หรือกำลังเปลี่ยนแอร์ใหม่แต่ไม่รู้จะจัดการกับเครื่องเก่าอย่างไร เราพร้อม รับซื้อแอร์เก่า ทุกรุ่น ทุกสภาพ ให้ราคาสูง พร้อมบริการรับซื้อถึงที่!

ทำไมต้องเลือกขายแอร์เก่ากับเรา?

✅ ให้ราคาสูง ประเมินตามสภาพ รุ่น และขนาด BTU

✅ สะดวก รวดเร็ว  มีทีมงานรับซื้อถึงบ้านหรือสถานที่ของคุณ

✅  รับซื้อทุกสภาพ  แอร์เก่าที่ใช้ได้และแอร์เสีย

✅  มีบริการรื้อถอนฟรี  โดยช่างมืออาชีพ ไม่ต้องยุ่งยากเอง

 เรารับซื้อแอร์เก่าประเภทใดบ้าง?

🔹 แอร์บ้านทุกขนาด (9,000 - 36,000 BTU)

🔹 แอร์สำนักงาน และแอร์โรงงาน

🔹 แอร์เก่า แอร์เสีย คอมเพรสเซอร์เก่า

🔹 แอร์ทุกยี่ห้อ เช่น Daikin, Mitsubishi, Panasonic, LG, Carrier ฯลฯ

วิธีการขายแอร์เก่า ง่ายๆ ใน 3 ขั้นตอน

1️⃣  ส่งข้อมูลแอร์ แจ้งยี่ห้อ ขนาด BTU และสภาพแอร์

2️⃣  ส่งรูปภาพแอร์ เพื่อประเมินราคาคร่าวๆ

3️⃣  นัดวันรับซื้อ  เราไปรับซื้อถึงที่ พร้อมจ่ายเงินสดทันที

📞 สนใจขายแอร์เก่า ติดต่อเราได้ที่

📲 โทร: [ 095 481 4459]

💬 ไลน์: [ muensuks]

อย่าปล่อยให้แอร์เก่ากินที่ เปลี่ยนเป็นเงินสดง่ายๆ กับเรา!

วิธีเช็กว่าแอร์ที่ใช้งานอยู่กี่ BTU ง่ายๆ ด้วยตัวเอง

BTU (British Thermal Unit) คือค่าที่ใช้วัดความสามารถในการทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ ซึ่งมีผลต่อการเลือกแอร์ให้เหมาะสมกับขนาดห้อง หากคุณต้องการรู้ว่าแอร์ที่คุณใช้อยู่มีกี่ BTU สามารถตรวจสอบได้ง่ายๆ ตามวิธีต่อไปนี้

🔍 1. ดูจากฉลากหรือสติ๊กเกอร์บนตัวเครื่อง

แอร์ส่วนใหญ่มักมี  สติ๊กเกอร์ข้อมูลติดอยู่ที่ตัวเครื่อง โดยเฉพาะที่ด้านข้างหรือด้านหลังของคอยล์เย็น (ตัวที่ติดผนัง) หรือคอยล์ร้อน (ตัวที่อยู่ด้านนอกบ้าน) ข้อมูลที่ระบุไว้จะมี

✅ รุ่น (Model)

✅ กำลังไฟฟ้า (Power)

✅ **ขนาด BTU** เช่น 12,000 BTU, 18,000 BTU

 วิธีอ่าน มองหาคำว่า "BTU" หรือ "Cooling Capacity" ซึ่งมักจะแสดงเป็นตัวเลข เช่น 12000, 18000 เป็นต้น

2. ตรวจสอบจากคู่มือหรือเอกสารแอร์

หากยังเก็บคู่มือหรือใบเสร็จตอนซื้อแอร์ไว้ คุณสามารถเปิดดูรายละเอียดได้ โดยจะมีข้อมูล BTU ระบุอยู่ชัดเจน

3. เช็กจากรุ่นแอร์ (Model Number)

หากหา BTU ไม่เจอในสติ๊กเกอร์หรือลบเลือนไปแล้ว ให้ดูจากรหัสรุ่น (Model Number)** ซึ่งมักมีตัวเลขที่บอกขนาด BTU ซ่อนอยู่ เช่น

MSY-JS09VF → 9,000 BTU

FTKC12RV2S → 12,000 BTU

CS-PN18UKT → 18,000 BTU

เคล็ดลับ: ค้นหารุ่นแอร์ของคุณบน Google หรือเว็บไซต์ของแบรนด์แอร์ เช่น Daikin, Mitsubishi, LG ฯลฯ ก็จะเจอข้อมูล BTU ของเครื่องนั้น

---

4. คำนวณ BTU โดยประมาณจากขนาดห้อง

หากหา BTU ไม่เจอจริงๆ สามารถ คำนวณคร่าวๆ ได้จากขนาดห้อง

สูตรคำนวณ BTU เบื้องต้น

- ห้องธรรมดา (ไม่มีแดดจัด) → พื้นที่ห้อง (ตร.ม.) × 600

- ห้องโดนแดดเยอะ → พื้นที่ห้อง (ตร.ม.) × 800

ตัวอย่าง: ห้องขนาด 4 x 4 เมตร = 16 ตร.ม.

- ห้องธรรมดา: 16 × 600 = 9,600 BTU

- ห้องร้อน: 16 × 800 = 12,800 BTU

---

 สรุปง่ายๆ

✅ ดูที่ฉลากแอร์ หา BTU ได้ทันที

✅ เปิดคู่มือหรือใบเสร็จ – ถ้ายังเก็บไว้

✅ เช็กจากรหัสรุ่น – มักมีเลข BTU ซ่อนอยู่

✅ คำนวณจากขนาดห้อง – ถ้าหาไม่เจอ

รู้ขนาด BTU ของแอร์ไว้ จะช่วยให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเลือกแอร์ใหม่ให้เหมาะสมในอนาคต!

รับซื้อแอร์เก่า: เปลี่ยนแอร์เก่าเป็นเงินสด

แอร์เก่าที่ไม่ใช้แล้วสามารถสร้างมูลค่าให้คุณได้แทนที่จะปล่อยให้เป็นขยะไร้ค่า การขายแอร์เก่ากับร้านรับซื้อแอร์เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับทั้งเจ้าของบ้านและเจ้าของธุรกิจที่ต้องการเปลี่ยนแปลงระบบปรับอากาศใหม่ วันนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับบริการรับซื้อแอร์เก่า และประโยชน์ที่คุณจะได้รับ

ทำไมควรขายแอร์เก่าแทนการทิ้ง?

1. ได้เงินคืน แทนที่จะทิ้งให้เปล่าประโยชน์ คุณสามารถแปลงแอร์เก่าเป็นเงินสดได้

2. ช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ การนำแอร์เก่าไปรีไซเคิลช่วยลดปริมาณขยะที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม

3. ช่วยให้การติดตั้งแอร์ใหม่ง่ายขึ้น ร้านรับซื้อแอร์หลายแห่งมีบริการรื้อถอนฟรี ช่วยให้คุณประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย

ปัจจัยที่มีผลต่อราคาขายแอร์เก่า

- ยี่ห้อและรุ่นของแอร์แอร์จากแบรนด์ชั้นนำมักมีราคาดีกว่า

- ขนาด BTU ยิ่ง BTU สูง ราคายิ่งดี

- สภาพของแอร์หากยังสามารถใช้งานได้ ราคาจะสูงขึ้น

- อายุการใช้งาน แอร์ที่อายุไม่เกิน 5-10 ปี มักจะมีราคาดีกว่า

กระบวนการขายแอร์เก่า

1. ติดต่อร้านรับซื้อแอร์ค้นหาร้านรับซื้อแอร์เก่าใกล้บ้านหรือบนอินเทอร์เน็ต

2. แจ้งรายละเอียดของแอร์ เช่น ขนาด BTU, ยี่ห้อ, อายุการใช้งาน และสภาพของแอร์

3. รับการประเมินราคา ร้านค้าจะเสนอราคาตามข้อมูลที่คุณให้

4. นัดหมายการรื้อถอน ร้านค้าหลายแห่งมีบริการรื้อถอนและขนย้ายฟรี

5. รับเงินสดหรือโอนเงิน เมื่อตรวจสอบสภาพแอร์แล้ว ร้านค้าจะชำระเงินให้คุณทันที

แนะนำร้านรับซื้อแอร์เก่า

หากคุณกำลังมองหาร้านรับซื้อแอร์เก่าที่เชื่อถือได้ ลองค้นหาออนไลน์หรือสอบถามจากคนรู้จัก คุณสามารถเลือกใช้บริการจากร้านที่มีรีวิวดีและให้ราคายุติธรรม

สรุป

การขายแอร์เก่าเป็นวิธีที่ดีในการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและสร้างรายได้เสริม เลือกร้านรับซื้อที่ไว้ใจได้และมีบริการรื้อถอนเพื่อความสะดวกของคุณ หากคุณมีแอร์เก่าที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว อย่าปล่อยให้มันเป็นขยะ เปลี่ยนเป็นเงินสดวันนี้!

กระบวนการรื้อถอนแอร์มีขั้นตอนหลักๆ ที่ต้องทำเพื่อให้การทำงานปลอดภัยและไม่เสียหาย นี่คือลำดับการทำงานที่ปกติ:

### 1. **ปิดการทำงานของแอร์**

   - ก่อนเริ่มรื้อถอน ควรปิดแอร์และปิดสวิตช์ไฟฟ้าของแอร์ที่แผงคอนโทรล รวมถึงสวิตช์ไฟฟ้าหลักเพื่อความปลอดภัย

### 2. **ตรวจสอบและระบายสารทำความเย็น (Refrigerant)**

   - ก่อนที่จะแยกแอร์ออกจากท่อ ท่อที่เชื่อมต่อกับเครื่องควรถูกระบายสารทำความเย็น (Freon) ออกอย่างระมัดระวัง โดยใช้เครื่องมือเฉพาะที่สามารถทำให้สารทำความเย็นปลอดภัย

### 3. **ถอดส่วนประกอบภายใน (Indoor Unit)**

   - เริ่มจากการถอดแผงกรองอากาศและแผ่นกรองภายในออก

   - ถอดสกรูหรืออุปกรณ์ยึดของตัวแอร์จากผนัง และค่อยๆ เอาเครื่องออกจากผนังอย่างระมัดระวัง

### 4. **ถอดท่อและสายไฟ**

   - ถอดสายไฟที่เชื่อมต่อกับตัวแอร์ โดยให้ระมัดระวังในการตัดการเชื่อมต่อ

   - ถอดท่อที่เชื่อมระหว่างเครื่องแอร์และยูนิตภายนอก (Outdoor Unit) รวมถึงท่อระบายน้ำ

### 5. **ถอดเครื่องยนต์หรือยูนิตภายนอก (Outdoor Unit)**

   - สำหรับยูนิตภายนอก ควรถอดท่อที่เชื่อมต่อกับเครื่องยนต์ออก และค่อยๆ นำเครื่องยนต์ออกจากที่ติดตั้งอย่างปลอดภัย

   - ตรวจสอบส่วนประกอบต่างๆ เช่น คอยล์ระบายความร้อน หรือท่อที่เชื่อมต่อกับเครื่องทำความเย็น

### 6. **การขนย้ายและบำรุงรักษา**

   - หลังจากรื้อถอนเสร็จแล้ว ควรจัดการขนย้ายเครื่องแอร์อย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายและเตรียมพร้อมสำหรับการส่งไปรีไซเคิลหรือขายให้กับร้านรับซื้อแอร์เก่า

### 7. **ทำความสะอาดพื้นที่**

   - หลังจากการรื้อถอนเสร็จสิ้น ควรทำความสะอาดพื้นที่และเช็คให้แน่ใจว่าไม่มีอุปกรณ์ตกหล่นหรือน้ำที่อาจจะทำให้เกิดอันตราย

---

การรื้อถอนแอร์ควรดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญจากงานบริการรับซื้อแอร์เก่าเพื่อความปลอดภัยและเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับระบบแอร์หรืออุปกรณ์ไฟฟ้า การให้มืออาชีพดำเนินการจะช่วยให้กระบวนการเสร็จสิ้นอย่างถูกต้องและรวดเร็ว